อยากลดน้ำหนัก นักกำหนดอาหารสำคัญยังไง?

ลดน้ำหนักให้ถูกวิธีต้องกินอาหารยังไง?
คำถามนี้นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการตอบให้
กินถูกวิธี ผอมชัวร์ !!
📌สนใจวิธีลดหุ่นไม่ใช้ยา > m.me/pig2lady

ปกติแล้วนักกำหนดอาหารมักทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารและโภชนาการอยู่ในห้องลับๆ ของรพ. จะได้เจอต่อเมื่อป่วยเป็นโรค NCDs และโรคอื่นๆ โดยคุณหมอต้องเป็นคนสั่งให้เจอเท่านั้น 

แต่ในเพจออกจากความเป็นหมู ทุกคนจะได้รับคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารและนักโภชนาการเรื่องการกินในทุกๆ วัน จนจบคอร์ส

 

“นักกำหนดอาหาร” กับ “นักโภชนาการ” ต่างกันยังไง?  

 “นักโภชนาการ” คือ ผู้ที่จบการศึกษาด้านโภชนาการ และเป็นผู้มีความรู้ในการดูแลจัดบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล และสามารถให้คำแนะนำโภชนาการทั่วไปได้ แต่เมื่อใดที่มีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลจนถึงขั้นมีความรู้ความชำนาญเพียงพอ ก็สามารถขอสอบเพื่อขึ้นทะเบียนรับรองเป็น “นักกำหนดอาหารวิชาชีพ” ได้นั่นเอง  

 

รู้ลึกนักกำหนดอาหารเพจออกจากความเป็นหมู

นักกำหนดอาหาร (Dietitian) คือใคร?

ผู้ที่นำความรู้ทางด้านอาหารและโภชนาการมากำหนดปริมาณอาหารและสารอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน โดยจะมีวิชาชีพในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เน้นความเชี่ยวชาญลงลึกในเรื่องเกี่ยวกับโภชนาการและอาหารที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีม “สหสาขาวิชาชีพ” โดยทำหน้าที่หลักคือ ประเมินภาวะโภชนาการ คำนวณความต้องการพลังงานสารอาหาร และ กำหนดปริมาณที่เหมาะสม

 

กว่าจะมาเป็นนักกำหนดอาหารเพจออกจากความเป็นหมู

 “นักกำหนดอาหาร” ต้องผ่านการศึกษาอบรมอย่างรอบด้านในวิชาชีพจนมีความรู้ความเข้าใจหลายด้านตั้งแต่ โภชนาการและโภชนบำบัด ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสภาวะของโรคต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับการเกิดโรค และความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับยาบางชนิด ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นผู้ที่จบการศึกษาทางด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารหรือสาขาที่เกี่ยวข้องทางด้านโภชนบำบัด โดยได้ผ่านการฝึกงานหรือมีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลตามข้อกำหนดของ “สมาคมนักกำหนดอาหาร” และผ่านการสอบรับรองวิชาชีพเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนักกำหนดอาหารวิชาชีพที่เรียกว่า ‘Certified Dietitian of Thailand-CDT’ ในประเทศไทย ฟังดูแล้วไม่ง่ายเลยใช่มั้ยล่ะ?



ยกตัวอย่างเคสการดูแลของนักกำหนดอาหารและนักโภชนาการ

เคสที่ 1

พี่ A : ชอบกินเส้นก๋วยเตี๋ยวมาก แต่อยากลดน้ำหนัก ต้องทำยังไง?

นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการ : บอกพลังงานของแต่ละเส้น พร้อมบอกวิธีกินในแต่ละมื้อ เพื่อให้ลดน้ำหนักได้แบบมีสุขภาพดี

เคสที่ 2 :

พี่ B : เป็นโรคเบาหวานและไขมัน เข้าคอร์สลดนน.สายบำบัดโรค NCDs

นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการ : แนะนำให้ความรู้ว่าอาหารชนิดไหนมีน้ำตาลแฝงสูง และควรใช้น้ำมันชนิดไหนในการปรุงอาหาร

เคสที่ 3 :

พี่ C : เพิ่งคลอดลูกมาไม่นาน ต้องให้นมลูก แต่ก็อยากรักษาหุ่น

นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการ : บอกวิธีลดน้ำหนักสำหรับคุณแม่มือใหม่ ทริคลดหน้าท้อง พร้อมเพิ่มคุณภาพน้ำนมของคุณแม่ให้ดีขึ้น

 

สรุป 

“นักกำหนดอาหาร” รับบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาด้านโภชนาการเพื่อสร้างความเข้าใจในการกินให้ถูกต้อง เพื่อสร้างสุขภาพที่ดี รักษารูปร่างให้สมส่วนนั่นเอง 

ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่านักกำหนดอาหารและนักโภชนาการจากเพจออกจากความเป็นหมูสำคัญยังไง…

 

ทริคเจ๊หมูเพิ่มเติม 

ผอมไวกว่าแค่รู้จัก BMR , BMI , TDEE

BMR และ TDEE นี่แหละจะบอกให้รู้ว่าควรกิน และ ออกกำลังกายมากน้อยเท่าไร

BMR (Basal Metabolic Rate) คือ ปริมาณการใช้พลังงานขั้นพื้นฐานของแต่ละคนใน 1 วัน (ต่อให้ไม่ขยับตัวไปไหนเลย)

วิธีการคำนวณ (หน่วย/กิโลกรัม/น้ำหนักตัว)

ผู้หญิง BMR = 665 + (9.6 X น้ำหนักตัว) + (1.8 x ส่วนสูง) – (4.7 x อายุ)

ผู้ชาย  BMR = 66 + (13.7 X น้ำหนักตัว) + (5 x ส่วนสูง) – (6.8 x อายุ)

 

 TDEE (Total Daily Energy Expenditure) คือ ปริมาณการใช้พลังงานของแต่ละคนใน 1 วัน บางคนเคลื่อนไหวเยอะ ออกกำลังกายหนัก ร่างกายก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้น

วิธีการคำนวณ

ไม่ออกกำลังกายหรือทำงานนั่งโต๊ะ                            TDEE = BMR*1.2

ออกกำลังกายเบาๆ (1-2 ครั้งต่อสัปดาห์)                    TDEE = BMR*1.375

ออกกำลังกายปานกลาง (3-5 ครั้งต่อสัปดาห์)             TDEE = BMR*1.55

ออกกำลังกายหนัก (6-7 ครั้งต่อสัปดาห์)                    TDEE = BMR*1.725

 

ได้แล้วเอามาเทียบกับตาราง

ดัชนีมวลกาย BMI

น้อยกว่า 18.5 – น้ำหนักต่ำไป

18.5-22.9 – รูปร่างสมส่วน

23.0-24.9 – น้ำหนักเกิน

25.0-29.9 – เข้าข่ายโรคอ้วน

30 ขึ้นไป – อ้วนมาก

ถ้าเรารู้ BMI ก็เหมือนเรารู้ว่าร่างกายเราตอนนี้กำลังจะต้องเจอความเสี่ยง/โรคอะไรบ้าง

ดังนั้นมาลดน้ำหนักแบบถูกวิธี กับเพจออกจากความเป็นหมูดีกว่า


เรียบเรียงโดย : เพจออกจากความเป็นหมู

อ้างอิง : รพ.รามคำแหง

mysix.co.th/article/bmr-tdee