1. วัดความอ้วนหรือผอมอาจมีด้วยกันหลายวิธี เริ่มกันด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบความสูงกับน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ย
ผู้ชาย : น้ำหนักตัวที่เหมาะสม = ความสูง (เซนติเมตร) ลบด้วย 100
ผู้หญิง : น้ำหนักตัวที่เหมาะสม = ความสูง (เซนติเมตร) ลบด้วย 110
ตัวอย่าง ผู้ชาย สูง 165 – 100 น้ำหนักตัวที่เหมาะสม คือ 65 กิโลกรัม
2. วัดจากการหาค่าดัชนีมวลกาย* (Body Mass Index : BMI) ซึ่งเป็นค่าสากลที่นิยมใช้ทั่วไป มีสูตรคำนวณดังนี้
BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร)2
ตัวอย่าง หนัก 56 สูง 165 = 56 1.652 = 20.57
เท่ากับค่า BMI ที่ได้คือ 20.57
*โดยค่ามาตรฐานน้ำหนักปกติ เหมาะสม คือ 18.6 ถึง 24
*ค่านี้อาจคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะผู้ที่เล่นกล้าม ที่จะมีน้ำหนักกล้ามเนื้อค่อนข้างมาก ทำให้ค่า BMI สูงได้โดยที่มีไขมันน้อยมาก
3. วัดจากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย (Body Fat) มีหลากหลายวิธี ตัวอย่างที่ง่ายคือ การคำนวณด้วยสมการ
ผู้ชาย
เปอร์เซ็นต์ปริมาณไขมันในร่างกาย = (1.2 x ดัชนีมวลกาย) + (0.23 x อายุเป็นปี) – 16.2
ผู้หญิง
เปอร์เซ็นต์ปริมาณไขมันในร่างกาย = (1.2 x ดัชนีมวลกาย) + (0.23 x อายุเป็นปี) – 5.4
ตัวอย่าง ผู้ชาย ค่า BMI 20.57 อายุ 26 ปี = (1.2×20.57)+(0.23×26)-16.2 = 14.46
*โดยค่ามาตรฐาน
ผู้ชาย จะมีปริมาณ Body Fat 15-20%
ผู้หญิง จะมีปริมาณ Body Fat 25–30%
หากพบว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่สูงเกินกว่านี้ จะจัดว่าอ้วน
เรียบเรียงโดย : เพจออกจากความเป็นหมู
อ้างอิง : https://www.technicalbiomed.com